นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อติดตามสถานการณ์ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 0.75% โดยพบว่า การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ และมีแนวโน้มจะขึ้นได้อีก ซึ่งอาจทำเศรษฐกิจชะลอตัวบ้าง
ส่วนการหารือกับ ธปท. ได้ให้น้ำหนักผลต่อ 3 ปัจจัยหลักได้แก่ 1.ต้องดูว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะมีผลต่อเงินเฟ้อและมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน 2.การขยายตัวของเศรษฐกิจซึ่งจะต้องมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้แบบปกติ หรือไม่ และ 3.การเคลื่อนย้าย เงินทุน โดยช่วงที่ผ่านมามีเงินทุนไหลออกบ้างแต่ยังไม่ถือว่าผิดปกติ ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัย จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“ทั้งปัจจัย 3 ข้อจะให้น้ำหนักในเรื่องใดมากกว่ากัน เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และ ธปท.เป็นผู้พิจารณา ซึ่งทั้งคลังและ ธปท. ก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหากสถานการณ์ผันผวนมาก ธปท.ก็พร้อมเข้าไปดูแล”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนกรณีที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเร็วจะมีผลต่อราคาพลังงานและค่าครองชีพในประเทศแค่ไหนนั้นมองว่าขณะนี้ราคาน้ำมันได้ลงมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว ประมาณ 90-95 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่รัฐบาลบริหารจัดการได้แต่ช่วงเดือน พ.ย.–ธ.ค.65 เข้าฤดูหนาวแล้วอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวนได้ซึ่งก็มีผลต่อเรื่องราคาสินค้าและค่าครองชีพซึ่งรัฐบาลพยายามหามาตรการดูแลอยู่ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็ต้องปรับตัวเพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการผลิต.